โจน จันใด: บ้านที่ดีต้องเป็นธรรมชาติและดีต่อสุขภาพของทุกคน

เพราะ ‘ชีวิต’ คือสิ่งสำคัญ การทำบ้านสักหลังจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ทุกคน

   ความเรียบง่ายในชีวิตเริ่มต้นได้ที่ ‘บ้าน’ นี่คือคำแนะนำจากครูผู้มีประสบการณ์ในการทำบ้านดินชื่อโจน จันใด ที่ทำให้ใครหลายคนสงสัยว่า ‘ชีวิตง่ายๆ’ ที่เขาพูดถึงนั้นเป็นแบบไหน และมีคนทำได้จริงหรือ?

   โจน จันใด คือหนึ่งในคนที่พูดถึงเรื่องนี้บ่อยที่สุดและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้ว่าสิ่งที่เขาเชื่อเป็นเรื่องจริง แม้จะไม่ได้มีต้นทุนชีวิตที่ราบเรียบและเรียบง่ายมาตั้งแต่ต้น แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเขาได้พิสูจน์แล้วว่าทางเลือกที่ง่ายกว่ามีอยู่จริง

   โจน จันใด เป็นลูกชาวนาจังหวัดยโยธรที่เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานหลายอย่าง ทั้งรปภ. พนักงานโรงแรม พนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะหันหลังกลับบ้านไปตั้งหลักและตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งเมื่อชีวิตในเมืองไม่เป็นอย่างที่คิดไว้

   ชีวิตของเขาไม่ได้พลิกผันในทันที แต่เกิดจากการค่อยๆ คิดทบทวนถึงความสำคัญในชีวิตและเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง เกือบ 20 ปีก่อนเขาย้ายมาตั้งรกรากที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และเปลี่ยนแปลงที่ดินที่เคยเป็นพื้นที่ที่ทำเคมีทั้งหมดให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ปลูกผักออแกนิก เลี้ยงสัตว์ ปลูกข้าว เก็บเมล็ดพันธุ์ และทำบ้านดิน จนกลายเป็นศูนย์เรียนรู้ที่มีชื่อเสียงชื่อ ‘พันพรรณ’ และเป็นจุดหมายของคนเมืองที่สนใจเรื่องการพึ่งพาตนเองต้องเดินทางไปเรียนรู้

   เรื่องราวของโจน จันใด ยังมีอีกหลายแง่มุมที่น่าสนใจ แต่สิ่งที่เราอยากคุยกับเขาเป็นพิเศษในวันนี้คือแนวคิดและประสบการณ์ในการสร้างบ้านจากคนที่สร้างบ้านเองมาตลอด

บ้านที่ดีคือบ้านที่อยู่แล้วสบายใจ

   โจน จันใดเป็นที่รู้จักและจดจำในฐานะคนทำบ้านดินที่มีชื่อเสียง เขาไม่ใช่ผู้รับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้รับจ้างออกแบบบ้านดิน แต่เป็นผู้จุดกระแสบ้านดินในไทยเพราะความสนใจของตัวเอง

   เขาให้ความรู้อย่างรอบด้านกับทุกคนที่อยากมีบ้านดิน ให้ความรู้เรื่องการนำวัสดุเหลือใช้ต่างๆ มาสร้างบ้านอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงให้คำแนะนำเรื่องทักษะงานช่างที่แม้แต่คนเมืองก็สามารถทดลองทำได้ด้วยตัวเอง

   “ผมเริ่มสนใจเรื่องบ้างดินครั้งแรกตอนไปปั่นจักรยานเที่ยวกับภรรยา แล้วบังเอิญไปเจอบ้านดินโบราณมรดกโลกที่เมืองเทาส์ (Taos) ในมลรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเป็นรัฐทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับบ้านดินก็รู้สึกว่าเป็นบ้านที่น่าสนใจมาก เพราะว่าต่อให้บ้านดินตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนมากหรือหนาวมากก็ตาม แต่พอได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วกลับรู้สึกว่าอุณหภูมิในบ้านเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับร่างกายได้ดีมาก ผมชอบความรู้สึกที่ได้อยู่ในบ้านแบบนี้และนึกขึ้นได้ว่าดินเป็นสิ่งที่มีอยู่ทุกที่ ทำไมเราไม่ลองเอาแนวคิดเรื่องบ้านดินกลับไปทำที่ไทยดูบ้าง เพราะนอกจากจะได้บ้านแบบที่อยู่แล้วสบายกายแบบที่เราชอบ และยังสบายใจเพราะราคาก่อสร้างไม่สูงมาก ไม่จำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินมาสร้างบ้าน ผมจึงนำแนวคิดนี้กลับมาลองทำที่ไทย”

   คำว่า ‘บ้านในฝัน’ ของแต่ละคนอาจมีภาพและความหมายที่แตกต่างกัน แต่จากประสบการณ์การสร้างบ้านของเขา เราเชื่อว่านิยามของคำว่า ‘บ้านที่ดี’ ในแบบของโจน จันใด สามารถใช้ได้กับทุกหลังจริงๆ

   “บ้านที่ดีคือบ้านที่อยู่แล้วรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย อยู่ง่าย ซ่อมง่าย ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระกับตัวเอง ถ้ามีส่วนไหนของบ้านมีปัญหาเราก็ยังสามารถแก้ไขเองได้ง่ายๆ การที่เราแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้จะช่วยลดความเครียดในชีวิตลงได้เยอะมาก ฉะนั้นไม่ว่าบ้านของคุณจะเป็นแบบไหน ถ้าเราพึ่งตัวเองได้ในเรื่องการดูแลบ้าน ไม่ต้องพึ่งช่างทุกอย่าง จะทำให้เรามีความสุขกับการอยู่บ้านได้ง่ายขึ้น”

สร้างบ้านจากธรรมชาติ ให้เป็นธรรมชาติ

   ในช่วงแรกบ้านดินยังไม่เป็นที่นิยมเช่นทุกวันนี้ โจน จันใดได้เรียนรู้เทคนิคหลายๆ อย่างจากการลองผิดลองถูกในการทำบ้านด้วยตัวเอง ปัญหาของบ้านหลังแรกที่พบคือหากทำบ้านดินแล้วไม่ทำสี จะทำให้เกิดฝุ่นในตัวบ้าน เมื่อมีคนไปพิงหรือจับผนังก็จะมีผงติดติดเสื้อผ้ามาด้วย แม้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตแต่ก็สร้างความรำคาญให้กับผู้อยู่อาศัยได้เช่นกัน

   วิธีแก้ปัญหานี้คือต้องทาสี การทำสีทาบ้านแบบดั้งเดิมที่โจน จันใดใช้ คือการหาดินสีที่ชอบมาทำสีทาบ้าน เป็นสีจากดินที่อยู่ตามธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดและอยู่นอกเมืองอาจจะหาดินได้ไม่ยาก สามารถไปหาดินตามสถานที่ที่มีการขุดบ่อ ขุดถนน หรือตามทุ่งนาได้ง่ายๆ หลังจากได้ดินสีที่เราชอบมาแล้วให้เอาดินมาร่อนในน้ำ เมื่อตกตะกอนแล้วเราจะได้สีน้ำข้นๆ จากดินที่เป็นขี้โคลน นี่คือวิธีทำสีดินสำหรับทาบ้านแบบง่ายๆ และสามารถเอามาผสมกับสีฝุ่นในเฉดสีอื่นๆ เพื่อสร้างเฉดสีที่ชอบได้

   หากเป็นสีทาภายในจะต้องผสมกับแป้งมันสำปะหลังเพื่อให้แป้งเปียก แต่ถ้าเป็นสีทาภายนอกจะผสมกับปูนขาว เพื่อให้เมื่อโดนน้ำจะได้ไม่พองและหลุดลอกง่าย ผสมเสร็จแล้วสามารถนำไปทาได้ทั่วบ้านเหมือนสีทาบ้านทั่วไป

   ขั้นตอนอื่นๆ ในการทำบ้านดินก็ไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อนมาก อาศัยแค่แรงและแสงอาทิตย์ จึงทำให้หลายคนอยากมีบ้านดินเป็นของตัวเองและเดินทางมาเรียนกับโจน จันใดถึงที่พันพรรณ

   “โดยส่วนมากคนที่มาเรียนคือคนที่อยากมีบ้านในราคาที่เขาไม่ต้องเป็นทุกข์มาก ไม่เป็นภาระจนเกินไป ถ้าทำอะไรด้วยตัวเองได้ก็อยากทำ และอีกกลุ่มหนึ่งคือคนที่คำนึงถึงธรรมชาติและสุขภาพ การทำบ้านโดยทั่วไปมักจะมีวัสดุเหลือใช้ที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการทำบ้านดินสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมดเลย เพราะทำให้คนเห็นว่าเราสามารถสร้างรูปแบบชีวิตที่ยั่งยืนด้วยตัวเองได้ และการมีชีวิตที่ดีไม่จำเป็นต้องมีเงินมากก็สามารถทำได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้คนสนใจและมาเรียนรู้กันมากขึ้น”

จากสีดินธรรมชาติสู่การใช้สีดิน American Clay

   นอกจากการทำบ้านดินที่ไทยแล้วโจน จันใด ยังได้มีโอกาสไปทำบ้านดินที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาและญาติๆ อีกหลายหลัง หลังแรกเป็นบ้านก้อนฟาง ใช้ก้อนฟางแทนปูนแล้วใช้ดินฉาบทับอีกที หลังที่สองเป็นบ้านยางรถยนต์ ใช้ยางรถยนต์มาเป็นส่วนประกอบแล้วใช้ดินฉาบทับ ส่วนหลังที่สามเป็นบ้านดินแบบธรรมดาเหมือนที่ทำที่เมืองไทย เหตุผลที่ใช้หลายวัสดุเป็นเพราะเขาต้องการทดลองเพื่อดูความทนทานและความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ เพราะทั้ง 3 หลังมีทั้งพื้นที่ที่ลมแรงมาก ลมระดับปลานกลาง และพื้นที่ที่หนาวมาก และรอดูว่าบ้านแบบไหนให้ผลลัพธ์อย่างไรบ้าง

   บ้านก้อนฟางหลังแรก เป็นบ้านที่ไม่ได้ใช้สีดินธรรมชาติฉาบทับลงไป เพราะไม่สามารถหาดินสีที่ตรงกับความต้องการได้ จึงใช้สีดิน American Clay ซึ่งเป็นสีดินฉาบผนังที่เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาทำสีด้วยตัวเอง เป็นสีที่หาได้ง่ายในมลรัฐนิวเม็กซิโกเนื่องจากมีสำนักงานของ American Clay อยู่ที่นี่ เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนรักธรรมชาติและให้ความสำคัญกับสุขภาพไปพร้อมๆ กัน

   “การหาสีดินอาจจะฟังดูเหมือนง่าย ถ้าคุณเป็นชาวบ้าน หรือบ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอยู่แล้วคงหาได้ไม่ยาก แต่สำหรับคนเมืองคงไม่รู้จะไปหาสีดินจากไหนและการขนย้ายดินเข้าตึกคงเป็นเรื่องยาก การใช้สีดิน American Clay จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายมากสำหรับคนที่ทำบ้านดิน หรืออยากได้บ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านดินแต่ไม่มีเวลาหาสีด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเป็นสีที่ราคาไม่แพงมากและมีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย ภายในบ้านก้อนฟางที่อเมริกาจึงใช้สีดิน American Clay ฉาบภายในเพราะเป็นส่วนที่ไม่โดนน้ำ จะได้อยู่ได้นานๆ ส่วนภายนอกเคลือบด้วยน้ำมัน Flaxseed Oil เพราะอยากให้ดินแข็งแรงและทนทาน ที่ต่างประเทศราคาไม่สูงมากเราจึงสามารถซื้อมาใช้ได้”

   อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้โจน จันใดเลือกใช้สีดิน American Clay เป็นเพราะปัจจัยด้านสุขภาพ สีดิน American Clay เป็นสีที่ปลอดเคมี ทำให้ผู้ใช้และคนที่อยู่ในบ้านรู้สึกอุ่นใจเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะคนที่มีลูกหรือมีคนแก่ในบ้าน ถ้าเป็นสีเคมีอาจจะทำให้มีปัญหาต่อสุขภาพในอนาคตได้ สีดิน American Clay จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนเมืองที่ต้องการตกแต่งภายในเพื่อให้ได้บรรยากาศเหมือนบ้านดิน

   “ปัจจุบันบ้านหลังที่ใช้สีดิน American Clay ก่อสร้างมา 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการซ่อมแซมอะไรและสีก็ยังคงอยู่ดี ทนทานพอๆ กับสีดินที่ได้จากธรรมชาติ ถ้าโดนขูด ขีด หรือหลุดลอกไปบ้างก็สามารถใช้สีดิน American Clay ฉาบทับได้เลยโดยไม่ต้องขูดสีเก่าออก ถ้าเราอยากได้สีใหม่ก็เปลี่ยนได้เลย แค่มีทักษะนิดหน่อยก็ทำได้แล้ว ไม่ใช่งานช่างที่ยากมาก ถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของคนที่อยากทาสีบ้านด้วยตัวเอง”

   นอกจากจะฉาบทับได้ง่ายๆ แล้ว ความพิเศษของสีดิน American Clay คือสามารถใช้ซ้ำได้ไม่สิ้นสุด เมื่อต้องการย้ายบ้านสามารถฉีดน้ำใส่ผนังเพื่อให้สีดิน American Clay เปลี่ยนสภาพเป็นโคลน และขูดไปใช้กับผนังบ้านหลังใหม่ได้โดยไม่ต้องซื้อสีใหม่ จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะสมกับคนรักสิ่งแวดล้อม

   เพื่อนของโจน จันใดคนหนึ่งที่ทำอาชีพ Interior Designer และเคยมาเรียนรู้การทำบ้านดินกับเขาก็มักจะใช้ สีดิน American Clay เป็นสีตกแต่งภายในเพราะต้องการให้ห้องดูเป็นธรรมชาติ และมีเฉดสีให้ลูกค้าเลือกหลากหลาย เป็นเฉดสีที่สบายตา อยู่แล้วสบายใจ เหมาะกับร้านอาหาร ร้านกาแฟ และสตูดิโอโยคะ ตอบโจทย์ลูกค้าและกลุ่มผู้ใช้งานที่สนใจสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่เลยทีเดียว

ชีวิตที่ยั่งยืนเริ่มต้นที่สุขภาพ

   “การคิดถึงสุขภาพคือเรื่องสำคัญในชีวิตที่คนเราควรจะทำเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการทำบ้าน ทำอาหาร ทำงาน หรือทำสิ่งต่างๆ ถ้าทำแล้วเสี่ยงต่อสุขภาพแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ควรเสี่ยง เพราะไม่ว่ามองมุมไหนชีวิตคนเราก็ไม่คุ้มที่จะต้องเสี่ยงเลย ผมมองว่าชีวิตคือสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญกว่าทุกๆ อย่าง ทุกวันนี้สารเคมีอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด มีโอกาสที่จะเข้าสู่ร่างกายเราสูงขึ้นโดยที่เราไม่รู้ว่ามาจากอะไรบ้าง ดังนั้นการใช้สิ่งที่เรามั่นใจว่าปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมากกับชีวิต”

   การดูแลสุขภาพสำหรับโจน จันใดจึงไม่ใช่แค่การกินอาหารปลอดสารพิษ แต่เป็นการดูแลทุกมิติของชีวิตให้ปลอดภัย พึ่งตัวเองและสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างทางเลือกที่ดีกว่าให้กับชีวิต

   “ผมคิดว่าชีวิตเป็นสิ่งสวยงาม คนเราเกิดมาครั้งหนึ่งมีเวลาน้อยมาก ดังนั้นเราจึงไม่ควรเกิดมาเพื่อทำงานหนัก เจ็บป่วย แล้วก็ตายไป คนไม่ควรเป็นเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานไปตลอด ชีวิตคนเรามันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ มากกว่าแค่การทำงานหาเงินและใช้เงิน ฉะนั้นก็เลยคิดว่าถ้าเราแค่อยากจะมีอยู่มีกิน เราไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมากขนาดนั้นก็ได้ เราทำน้อยๆ แค่พออยู่พอกินก็ได้แล้ว จึงเอาเวลาที่เหลือมาให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองจริงๆ มากกว่า เพราะมันคงจะดีกว่าถ้าเราใช้เวลาชีวิตไปอย่างคุ้มค่า สนุกสนานไปกับสิ่งที่เราอยากทำและให้คุณค่าจริงๆ คนเราควรจะมีความกลัวให้น้อยที่สุด ถ้าอยากปราศจากความกลัวเราจึงควรค้นคว้า ทดลอง ทำนั่นทำนี่เรื่อยๆ เพราะมันทำให้เราเข้าใจชีวิต เข้าใจตัวเองมากขึ้น ความกลัวของเราก็น้อยลง เหมือนที่ผมสนใจเรื่องการพึ่งพาตัวเอง ยิ่งทำ ยิ่งทดลอง ยิ่งค้นพบ ก็ยิ่งสนุกที่ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ยังสนุกกับการมีชีวิตอยู่ และอยากดูแลสุขภาพต่อไป”